เป็นที่น่ายินดีที่ทาง บริษัทจากประเทศสิงค์โปรได้มาจัดงาน infocomm sea 2019 ที่ประเทศไทยระหว่างวันที่ 15-17 พฤษภาคม 2019 ที่ไบเทคบางนา กทม. ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นการย่อยจาก infocomm เอเชีย ที่เคยจัดที่สิงคโปร แล้วย้ายไปห้ออกงหลังจกานั้นผมไม่ได้ติดตามข่าวอีก ทราบแต่ว่าจัดเป็น infocomm india infocomm mieele east นอกจากนั้นยังจัดไปตามประเทศต่างๆเช่น infocomm china infocomm india
|
ครั้งแรกผมได้ติดต่อเขาไปว่าที่ av comm ได้ช่วยเขาเสนอข่าวให้โดยไม่ได้คิดเงินค่าแต่ขอให้เขาช่วยพื้นที่เล็กๆ เพื่อวางแบนเนอร์และโต๊ะเล็กๆเพื่อวางเอกสารและนามบัตร แต่เมื่อผมบอกว่าที่เว็บไซต์นี้ วันที่มีคนมากสุดก้แค่ 60 กว่าคนและน้อยสุดแค่ 20 กว่าคนเขาเลยไม่คุยด้วย แต่ภายหลังถึงทราบว่า เขาให้พื้นที่ใหญ่มากกับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฟรีๆ ก็ไม่เป็นไร ผมก็ยังลงโฆษณาให้เขาอยู่และไม่ได้ตอบโต้อะไร
ความจริงแล้วการเป็นสื่อมวลชน ผมควรจะไปตอนที่เขาทำพิธีเปิด แต่เนื่องจากเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับ av comm เลย ผมจึงไปสายในวันแรก งานก็ถือว่าใหญ่เห็นมีผู้ชมจากประเทศเวียดนามประปราย และจากประเทศกำพูชานิดหนึง แต่ที่มากที่สุดก็น่าจะมาจากประเทศมาเลเชีย แต่วันที่ 2 และ 3 ผมไม่เห็นชาวต่างชาติอีกเลย
สำหรับผู้ชมทั้งงานในวันแรก ผมว่าก็ถือว่าไม่เลวแม้จะบางตา เพราะเป็นการจัดครั้งแรก และยังถือว่าดีกว่างานประเทศคล้ายๆกันนี้ที่เคยจัด |
ผมไม่เคยไปงานแบบนี้ในต่างประเทศมากว่า 10 ปีแล้ว เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการเงิน แต่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทิศทางของสินค้าที่นำแสดง ซึ่งในยุคแรกๆโปรเจคเตอร์ที่ใช้ในวงการศึกษาและธุรกิจ รวมทั้งโปรเจคเตอร์ระดับ pro A/V เช่น barco cristie และ Digital projection รองลงมาก็จะเป็นพวกจอภาพฉาย และ ฯลฯ มาครั้งนี้ประมาณ 30% ของงานเป็นจอ LED ซึ่งดูจะเป็นเทรนในยุคปัจจุบัน แต่บูทที่ผมไปเยี่ยมบูทแรกเป็นของ Kramer ผู้ผลิตระบบบริหารสัญญาณจากประเทศอิสรเอล และได้รับความยอมรับจากวงการโสตทัศนูปกรณ์ในประเทศไทยทั่วโลก ผมได้พบกับคุณกันตพงศ์ ซึ่งเป็นผู้เชียวชาญของ Kramer ซึ่งผมได้รู้จักเขามาน่าจะเกิน 10 ปีแล้ว ซึ่งเขาก็ได้อธิบายเกี่ยวกับ coma sub sambling ซึ่งเขายอมรับว่ารู้ไม่มาก แต่บอกได้ว่าตัวเลข 4:4:4 เป็นตัวเลขเต็มที่สูงสุด และช่วยอธิบายผมนิดหน่อยเกี่ยวกับ active cable ของสายสัญญาณ HDMI แถมยังมีของชำล้วยเป็นสาย HDMI Ultra Slim flexible High-speed 1.83 เมตร ซึ่งเป็นสาย HDMI เส้นเล็กอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ผมยังไม่ได้ทดลองใช้ แต่เห็นว่าน่าใช้มากๆ เมื่อเราต้องต่อสายนี้บนโต๊ะประชุม เพราะจะไม่เกะกะสายตา
|
|
สินค้าอื่นๆที่ดูน่าจะมาแรง A/V ก็คือกล้อง Conference camera ที่ใช้ในการประชุมทางไกล (Tala Conference) แต่ตลกมากเลยที่หลายเจ้าบอกว่ากล้องของเขาเป็นระดับ 4K แต่ภาพที่แสดงบนจอ LCD มัวเหลือเกิน ขณะที่ 2-3 ราย มีภาพที่สดใส คมและละเอียด ทำให้ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ประจำบูทเหล่านี้ ไม่มีความเข้าใจเรื่องคุณภาพของภาพ คงได้แต่ทำหน้าที่เจรจาซื้อ-ขาย เพียงอย่างเดียว ส่วนคนที่ไปชมงานนั้น เท่าที่ผมสังเกตก็ไม่มีใครให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับผมผมเชื่อว่าบริษัทที่ให้เช่าจอ LCD เอาจอที่ความละเอียดไม่ถึง 4K มาให้เช่าบ้าง และเอาจอที่เริ่มจะเสื่อมคุณภาพแล้วมาให้เช่า เพราะเท่าที่ผมเคยสังเกตุดูคนไทยไม่ให้ความสนใจเกี่ยวกับเกรดของจอทีวี จึงนิยมเอาจอทีวีที่ใช้ในบ้านมาให้เช่า แทนที่จะเป็นเกรด 24/7 หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็น 16/7 (24 = 24 ชม.ใน 1 วัน และ 7 = 7 วันใน 1 สัปดาห์ หรือ 16 ชม. ต่อ 1 วัน 7 วันต่อ 1 สัปดาห์ ซึ่งจอพวกนี้จะมีราคาแพงกว่าจอทีวีที่ใช้ในบ้านไม่ต่ำกว่าเท่าตัว ส่วนที่ทำให้มีราคาแพง ก็เนื่องจากจำนวนขายน้อย และต้องสามารถระบายความร้อนได้อย่างดี แต่เท่าที่ผมทราบในต่างประเทศถ้าเอาทีวีที่ใช้ในบ้านมาใช้ การรับประกันจะมาใช้เปิดนานๆแบบนี้ จะขาดการรับประกันทันที่ แต่ผู้ให้เช่าเขารู้สึกว่า ท่าเขาซื้อในราคาครึ่งหนึ่งของราคาเกรด 24/7 แต่แทนที่จะใช้ได้ถึง 4 ปี แต่ใช้ได้เพียง 2 ปี เขาก็ว่าคุ้ม เพราะไม่ต้องใช้เงินมากในการซื้อ เมื่อครบ 2 ปี เขาซื้อใหม่ ราคาก็ยังต่ำกว่าราคาซื้อครั้งแรก แถมยังได้สินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้นอีก) |
|
สำหรับโปรเจคเตอร์ที่เป็นโปรเจคเตอร์ระดับ Pro A/V ก็มีของ Panasonic ซึ่งเขาโชว์ไว้เพียงเครื่องเดียวแต่ไม่ได้ฉาย ขณะที่ EPSON โชว์มากมาย รวมทั้งเครื่องที่มีความสว่างสูง ผมถามเขาว่ามาจากสิงค์โปรใช่มั้ย เขาบอกว่าผู้ออกงานมาจากสิงค์โปร แต่ก็มีคนไทยไปช่วยด้วย ผมจึงขอความรู้จากเขาถึงสิ่งที่ผมสงสัยมานานแล้วว่า โปรเจคเตอร์ที่ใช้แสงเลเซอร์ทำงานอย่างไร เพราะที่ตามสเปคเขาบอกว่าเป็น Blue Laser แต่ทำไมเวลาฉายถึงมีสีครบ และโปรปกติผมไม่ทราบว่ามีเทคโนโลยีอะไรที่จะมาลดความถี่ของคลื่นแสงจากสีน้ำเงินที่มี ลงมาต่ำสุดที่เป็นสีเขียวได้ รวมทั้งแสงเลเซอร์จะเป็นลำตรงๆอย่างที่เราใช่ใน laser point รวมทั้งสมัยก่อนเวลาเขายิงแสงเลเซอร์ไปตามผนังตึกใหญ่ๆ จะเป็นการสแกนกวาดไปทีละเส้นๆ จนเห็นเป็นลายเส้น เช่น ดลโก้หรือตัวหนังสือ ฯลฯ และท่าสังเกตดีๆ แสงเลเซอร์ที่ฉายไปบนกำแพงจะเหมือนกับเป็นระยิบระยับจากการกระพริบ ซึ่งเกิดจาก nosie ผู้ตอบเป็นคนไทยพยายามอ้ำๆอึ้งๆจะตอบ ผมเลยบอกว่าถ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร พอจะหาคนสิงค์โปรมาตอบแทนได้มั้ย เขาก็แสดงท่าโล่งอกและรีบไปตามเจ้าหน้าที่ทางสิงค์โปร ซึงพอถามอะไรไปนิดๆหน่อย เช่น phosphor หรืออะไรเขาก็เริ่มอึกๆอักๆ แล้วก็ไปตามอีกคนหนึ่งที่เขาบอกว่าคนนี้มีความรู้ยอดเยี่ยม
|
|
เจ้าหน้าที่ EPSON จากสิงค์โปรคนที่ 2 ได้แสดงความรู้แบบรับไม่ได้มากๆเลย เขาบอกว่าไอ้จอ phosphor แท้จริงแล้วเป็นปริซึ้มที่แตกแสงออกมาเป็นสีต่างๆได้ ซึ่งพอผมถามบอกว่าจาน phosphor ซึ่งไม่น่าเป็นปริซิ้ม เขาก็ว่าผมใหญ่ เขาก็บอกว่าจาน phosphor ทำให้แสงกระจายไปทั่วจอได้ ผมก็บอกเขาว่าในโปรเจคเตอร์หลายรุ่น นอกจาก blue เลเซอร์ยังมี red เลเซฮร์ อีกทั้งบริษัท คริสตี้ เขาก็มี Green laser เจ้าหน้าที่สิงค์โปรคนนี้บอกว่า แสงจากเลเซอร์เป็นแสงที่เลวมาก สู้ของ EPSON ไม่ได้ซึ่งเป็น LCD ผมจึงบอกเขาไปว่า LED มีหน้าที่บังแสงอย่างเดียวไม่มีแสง เขาบอกว่าผมโง่มา LCD ของ EPSON ให้แสงที่สวยมากที่สูด ผมก็เลยขอบคุณและเดินหนีเลย เพราะว่าสิ่งที่เขาพูดมาเลอะเทะทุกเรื่อง
|
จริงๆแล้วก็ยังมีของ Cannon เป็นบูทของทางสิงค์โปร แต่ให้คนไทยเป็นคนดูแลบูทให้ ซึ่งไม่มีใครอธิบายได้เลย แต่ก็ยังมีของใต้หวันอีกยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งทั้ง EPSON Cannon และบริษัทใต้หวันนั้นจะเน้นแสงเลเซอร์เป็นตัวชูโรง และของ EPSON เขาก็โชว์ว่าในระบบฉายของเขา เขากันไม่ให้ฝุ่นไปถูกแผ่น LCD ทำให้ไม่ต้องใช้แผ่นกรองฝุ่นในการระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำให้แทบจะไม่ต้องมีการบำรุงรักษา สำหรับจอภาพฉายซึ่งสมัยก่อนเราจะเห็นจอฯ Da-Lite , stewart , draper ไม่ปรากฎว่ามาออกงานนี้เลย จะมีของจีนมาซัก 3 ราย ที่เหลืออีก 3-4 รายมาจากมาเลเชีย |
ซึ่งท่ามาจากมาเลเชียหลายเจ้าก็จะมีขาแขวนโปรเจคเตอร์ และลิฟยกโปรเจคเตอร์ติดเพดานมาโชว์ด้วย ในด้านของระบบบริหารสัญญาณนอกจาก Kramer แล้วก็มี EXTRON จากอเมริกา และ ATEN จากใต้หวัน สำหรับสาย HDMI ที่เป็นผู้ผลิตสาย HDMI เอง ก็มีไม่มากและก็มาจากประเทศจีน ซึ่งบางบูทก้มาแสดงโดยผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทย
สำหรับในงานนี้มีบริษัทที่จำหน่ายโสตทัศนูปกรณ์ในระดับผู้นำเข้า ก็มีอยู่ 2 รายที่เห็นและเป็นผู้ค้าโปรเจคเตอร์ 1 ราย และยังมีผู้ออกแบบระบบภาพและเสียงในห้องประชุมรายใหญ่ของประเทศไทย 1 ราย รวมทั้งมีผู้ออกแบบและจำหน่ายระบบถ่ายทอดและบันทึกภาพโทรทัศน์ก็มาออกงานด้วย
ในวันที่ 2 มีผู้ชมเข้าชมหนาแน่นกว่าวันแรกในช่วงเช้า แต่เริ่มบางตาลงในช่วงบ่ายโดยมีคนบอกว่าพวกเขารู้ข่าวของงานนี้จากข่าวธุรกิจทางโทรทัศน์
ในวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ผู้ชมค่อนข้างจะเงียบมากๆ และพอเริ่มตอนบ่ายผู้ออกงานบางเจ้าทนไม่ไหวก็เริ่มแพคของเก็บ และไม่ได้รอจนถึงเลิกงาน
ความจริงงาน infocomm นอกจากสินค้าที่มาโชว์สิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับงานคือ เจ้าของงานที่แท้จริงคือ AVIXA ได้รับการชมเชยอย่างมากในด้านการให้ความรู้ดังนั้น เขาจะเน้นการบรรยาย แต่ผมไม่ได้เข้าฟังเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเขาจะเก็บเงินค่าเข้าฟังแพง อีกทั้งผมไม่มีเวลาและความสามารถในการมองเห็นของผมมี 10-20% เท่านั้น อีกทั้งเขายังมีจัดพาไปชมการติดตั้งระบบต่างๆ 3 แห่ง ซึ่งครั้งแรกผมจะไปชมแต่ไม่มีเวลา รวมทั้งผลงานบางอย่างก็ไม่ถือว่าน่าสนใจ
โดยรวมผมว่าเจ้าของงานก็ตั้งใจ เพราะเสี่ยงจากการขาดทุน แต่นี้เขาสามารถที่จะพาผู้แสดงสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาได้มากมาย และสามารถดึงผู้ค้าในประเทศมาออกงานได้บ้าง ซึ่งผมก็ลืมพูดไปว่าเขายังสามารถดึงผู้ค้าในประเทศไทยที่จำหน่ายระบบเสียงอย่างเช่น one system มาออกบูทใหญ่ และอีกบูทหนึ่งบูทใหญ่มากเท่าๆกัน ผมไม่แน่ใจว่าเป็น DB หรือ D+B ซึ่งผมไม่รู้จัก เขาว่าผู้ออกบูทมาจากประเทศไทยหรือต่างประเทศ แต่มีผู้เข้าชมเยอะ
วันและเวลาจัดงาน เขาใช้มาตรฐานระดับนานๆชาติ ซึ่งจะเป็นงานแสดงในวันทำงาน รวมทั้งเวลาแสดงก็เวลาทำงาน ซึ่งต่างจากความนิยมของคนไทย ที่จะไปมากที่สุดก้คือช่วงสุดสัปดาห์ เสาร์-อาทิตย์ และนานไปจนถึง 1-2 ทุ่ม ซึ่งก็เหมือนกับงาน info comm china ซึ่งเขาก็จัด 3 วัน ในวันทำงานและในเวลาทำงาน คือวัน พุธ-ศุกร์ แต่ได้ข่าวว่าในปีนี้ info comm china จะรวมวันเสาร์ด้วย แต่ว่าก็ยังเป็น 3 วันเหมือนเดิม คือ พฤหัส-เสาร์ ไม่มีการขยายเวลาแสดงสินค้า |