AV Comm Thailand

HOME บทความ search :

 

 

KODAK เตรียมขอความคุ้มครองการล้มละลาย


KODAK ISA REGISTERED
TRADE MARK OF EASTMAN KODAK

 

        

            บ.อิสแมน โกดัก กำลังเตรียมขอความคุ้มครอง การล้มละลายใน 1 สัปดาห์ (ขณะที่ผมอ่านข่าวนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2555) ผู้ที่คุ้นเคยเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ บอกว่าเป็นการกระทำที่จะร่วงลงอย่างตะลึงพรึงพรืด สำหรับบริษัทที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในอันดับองค์กรยักษ์ใหญ่ของอเมริกา
            บริษัทที่มีอายุถึง 131 ปี ยึดหลักสุดท้ายที่จะขายสิทธิบัตรบางอย่างใน พอร์ด โฟลิโอ (portfolio) และจะสามารถหลีกเลี่ยง Chapter 11 หากประสบความสำเร็จ กล่าวโดยบุคคลหนึ่งของที่นั่น แต่บริษัทโกดักได้เริ่มเตรียมตัวที่จะยื่นเรื่องนี้ หากความพยายามที่จะขายล้มเหลว รวมทั้งการเจรจากับธนาคาร เพื่อขอเงินกู้ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อไม่ต้องล้มละลายระหว่างช่วงการดำเนินการล้มละลาย โฆษกของโกดักบอกว่า บริษัทไม่ต้องการที่จะเน้น เกี่ยวกับข่าวลือในตลาดหรือเก็งกำไร
             การยื่นเรื่อง อาจดำเนินการในเดือนนี้ หรือต้นเดือน กุมภาพันธ์ หนึ่งในผู้ที่คุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้ กล่าวว่าโกดัก จะยังคงชำระหนี้และจ่ายเงินเดือนพนักงานตามปกติ แต่บริษัทจะทุ่มความเอาใจใส่ให้กับการขายสิทธิบัตรที่มีมากถึง 1,100 รายการ ด้วยการประมูลโดยการกำกับดูแลของศาล กระทั่งโกดักเองก็ยังพิเคราะห์ การยื่นขอล้มละลาย ถือเป็นการสิ้นสุดอนาคตของบริษัท ที่ครั้งหนึ่งเคยครองความยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมด้วยการดูดวิศวกรที่มีความเก่งกาจทั่วทั้งสหรัฐฯ สู่สำนักงานใหญ่ที่ Rochester N.Y. ทุ่มเงินให้กับการค้นคว้าวิจัยที่ฝ่ากฎเกณฑ์ต่างๆ เป็นจำนวนนับพันเรื่อง เกี่ยวกับภาพและเทคนิคต่างๆ หนึ่งในนี้ของบริษัทคือประดิษฐ์กล้องดิจิตอลขึ้นใน ค.ศ. 1975 แต่ไม่สามารถสร้างรายได้จากเทคโนโลยีนี้
            บริษัทได้ทุ่มเทความพยายามที่จะเบี่ยงเบนธุรกิจจากฟิล์มที่ทำเงินให้อย่างท่วมท้น แต่ก็กำลังหดตัวลง โดยการลงไปเล่นในน้ำยาเคมีทำความสะอาดห้องน้ำ และเครื่องมือตรวจสอบทางการแพทย์ ในช่วงทศวรรษที่ 1980 และ 1990 ก่อนที่จะตัดสินใจมุ่งสู่พรินเตอร์ทั้งระดับองค์กรและระดับทั่วไป ในช่วงครึ่งทศวรรษที่บริหารโดย CEO Antonio Perez
            ไม่ว่าจะมุ่งไปทางไหน ก็ไม่สามารถสร้างรายได้เพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ และครอบคลุมความรับผิดชอบ การร้องขอ Chapter 11 อาจช่วยขจัดความรับผิดชอบลงได้บ้าง แต่ความรับผิดชอบต่อกลยุทธ์ ทางเครื่องพริ้นเตอร์ ยังคอยที่จะพิสูจน์ความสามารถของบริษัท ต่อพนักงาน 19,000 คน
            ความไม่แน่นอนแบบนี้ ครั้งหนึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่ในหัวของโกดัก ที่เหมือนกับเป็นธุรกิจผูกขาด ที่มีกำไรมหาศาล ที่บริษัทแบ่งปันร่วมกับคนงาน
            ผู้ก่อตั้ง George Eastman จะจ่ายเงินเดือน พร้อมโบนัสให้กับพนักงาน ซึ่งขึ้นอยู่กับผลงาน และพนักงานจะเอาเงินที่ได้ไปซื้อรถ และฉลองกันในภัตรคาร อดีตพนักงานบอกว่าเหมือนกับบริษัท  Apple Inc. หรือ Google Inc ในสมัยนั้น
            Robert Shanebrook อายุ 64 ปี ผู้ซึ่งเริ่มงานกับบริษัทใน ค.ศ.1967 และเพิ่งรับตำแหน่งผู้จัดการทั่วโลกสำหรับสินค้าฟิล์มถ่ายภาพระดับอาชีพ รำลึกถึงผู้ที่มีความสามารถหนุ่มๆ ที่เดินกันพล่าน ทั่ววิทยาเขตของบริษัทอย่างหมดเรี่ยวแรง ในเวลาอาหารกลางวัน พวกเขาจะมากระจุกกันที่หอประชุมเพื่อชมภาพยนตร์ที่มีฉายเป็นประจำทุกวัน บ้างก็ไปเล่นบาสเก็ตบอลที่สนามของบริษัท “พวกเรามีความคิดที่ว่า พวกเราสามารถทำในสิ่งที่ไม่มีใครสามารถปราบเราได้”  Mr. Shanebrook พูด
            ปัญหาของโกดักเริ่มโผล่ในทศวรรษที่ 1980 เมื่อโกดักต้องดิ้นรน ต่อสู้กับคู่แข่งต่างชาติที่เริ่มมีส่วนแบ่งในตลาดฟิล์ม โดยแบ่งไปจากโกดัก ต่อมาก็ต้องจัดการกับกล้องดิจิตอลและโทรศัพท์สมาร์ทโฟน “ผมไม่ต้องการที่จะติดอยู่กับชะตากรรม” เขาบอก
            จนกระทั่ง 10 ปีที่แล้ว ที่อารมณ์เริ่มจะขุ่นมัว Mr.Shanebrook พูด ในค.ศ2003 โกดักได้ประกาศยุติการให้เงินทุนในฟิล์ม “ผมไม่ต้องการติดอยู่กับมรณกรรม” เขาพูด
            แชร์ของโกดักปิด เมื่อวันพุธ(สัปดาห์สุดท้ายของปี ค.ศ.2011) ที่ 47 เซนท์ ลดลง 20% หลักจาก The Wall Sheet Journal เสนอข่าวเรื่องบริษัทเตรียมยื่นขอ Chapter 11 โกดักขาดทุน ทุกปีเว้นอยู่ปีเดียวตั้งแต่ Mr.Parez เริ่มเข้าบริหารใน ค.ศ.2005 แต่ก่อนเขาคุมธุระกิจพริ้นเตอร์ ที่ Hewlelt-Packand Co. (HP) ปัญหาเริ่มปรากฏเมื่อ Mr. Parez ใช้กลยุทธ์ การฟ้องร้องการละเมินสิทธิบัติและการขายสิทธิบัตรเพื่อหารายได้
            โดยหวังว่าจะอุดรูรั่ว โกดักนำสิทธิบัตรบางส่วนของดิจิตอล ของบริษัทออกขายในเดือนสิงหาคม ความพยายามที่จะขายพอร์ทโฟลิโอ ดำเนินไปอย่างเชื่องช้าโดยผู้ประมูลเกรงว่าโกดักจะร้องขอปกป้องการล้มละลาย
            บริษัทได้เจรจากับ เฮจฟัน (hedge-fund) เพื่อขอยืมเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อพยุงฐานะระหว่างการขายสิทธิบัตร แต่การเจรจาล้มเหลว
            สัญญาณความกดดันทางด้านการเงิน เริ่มปรากฏในปลายเดือนกันยายน เมื่อโกดักเบิกเงิน 160 ล้านดอลลาร์ จากวงเงินเครดิตในช่วงเวลาที่โกดักบอกกับนักลงทุนว่า กำลังทำเงิน การเคลื่อนไหวนี้ส่งสต็อกของโกดักหล่นและสร้างความวิตกครั้งใหญ่กับความอยู่รอด
            หลังจากโกดักได้ว่าจ้าง ทนายความมาปรับโครงสร้าง และที่ปรึกษาให้มาพยุงไฟแนนซ์ บริษัทและคณะกรรมการชั่งใจถึงผลของการยื่นขอล้มละลายเป็นเดือนๆ ที่ปรึกษาบอกกับโกดักว่า การยื่นขอจะช่วยให้การขายสิทธิบัตรง่ายขึ้น และได้ราคาดีขึ้น ผู้ที่คุ้นเคยกับเหตุการณ์เช่นนี้บอก ความรับผิดชอบต่อเงินบำเหน็จก็จะหมดไปสิ้น ด้วยขั้นตอนการล้มละลาย ความรับผิดชอบนี้มีค่าเป็นล้านๆ ดอลลาร์ต่อปี อีกทั้งธุรกิจใหม่ก็ไม่ทำกำไร ทำให้ไม่เป็นน่าสนใจ ให้ใครมาเทคโอเวอร์ บุคคลที่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้บอก
            ในช่วงการประชุม 2 วันของคณะกรรมการบริษัท ผู้บริหารและที่ปรึกษา ช่วงกลางเดือนธันวาคม ผู้บริหารได้รับการบอกถึงวิธีที่โกดักจะหาทุนบริหาร ระหว่างการดำเนินการล้มละลาย ว่าต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่จะขายสิทธิบัตร แต่ได้มาไม่มากพอ
            โกดักได้หารือกับแบงค์ใหญ่ๆ เช่น J.P. Morgan Chase Co., Citi Group Inc. และ Wells Fargo Co. ซึ่งถือเป็นเจ้าหนี้ในขบวนการไฟแนนซ์ เพื่อให้บริษัทดำเนินธุรกิจในช่วงศาลล้มละลาย
            หากโกดักร้องขอความคุ้มครองล้มละลาย พวกเขาจะต้องหาวิธีเปลี่ยนแปลงธุรกิจอย่างฉับพลัน อย่างเช่น Polaroid Corp ที่ยื่นเรื่องขอปกป้องล้มละลายเป็นครั้งที่สอง ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2008 หรือ Borders Group Inc. ที่จะเลิกกิจการลงเมื่อปีที่แล้ว และ Blockbuster Inc ที่ร้องขอความคุ้มครองล้มละลาย ในค.ศ. 2010 และโดนเทคโอเวอร์ โดย Dish Uetwork Corp
                        Nertel Networks Corp บริษัทที่ถูกทิ้งห่างในด้านของเทคโนโลยีเลือกที่จะเลิกกิจการในศาลล้มละลาย แทนที่จะปรับโครงสร้าง และหาเงินให้มากกว่าที่คาดไว้ที่ 4.5 พันล้านดอลลาร์ของสิทธิบัตร
            การยื่นขอล้มละลายจะเกิดขึ้น และจะเป็นปีที่ผู้เชี่ยวชาญในวงการล้มละลายจะยุ่งมากๆ ในขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจยังอยู่ในสภาพยอบแยบ รวมทั้งความกังวลต่อหนี้ของยุโรปคุกคามตลาดการลงทุนสินซึ่งไม่น่าสนใจกับบริษัทที่ต้องการปรับสภาพหนี้
            Mr. Perez ตัดสินที่จะฝากอนาคตของบริษัทไว้กับธุรกิจ พริ้นเตอร์อิงค์เจ็ด ทั้งตลาดระดับองค์กรและทั่วไป แต่ตลาดที่อิ่มตัวได้พิสูจน์ให้เห็นว่าหนักหนาที่จะเจาะเข้าได้ และโกดักได้ผางทางอย่างหนักที่จะชดเชยการขายพรินเตอร์ ขณะที่พึ่งฐานะไว้กับฐานของผู้ใช้หมึก
            บริษัทยังทำตัวเป็นผู้เล่นในตลาดพรินเตอร์อยู่บ้าง ในขณะที่ตลาดถูกยึดโดยค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง HP ส่วนโกดักอยู่ในอันดับที่ 5 ในตลาดโลก ตามข้อมูลของบริษัทข้อมูลทางเทคโนโลยีอย่าง IDC ด้วยส่วนแบ่งเพียง2.6% ในช่วง 9 เดือนแรกของ ค.ศ.2011
            ขณะที่บริษัทยังดำเนินการตามแปลนปรับสภาพโครงสร้างหนี้ ความสำคัญอยู่ที่ตัวหนี้ว่าธุรกิจพรินเตอร์คุ้มที่จะสนับสนุนหรือมูลค่าอยู่ที่สิทธิบัตร
            Mr. Gerge Eastrnan (ผู้ก่อตั้ง) ได้ปลิตชีวิตตัวเอง ขณะอายุได้ 77 ปีซึ่งพิพิธภัณฑ์กำลังฉลองผู้ก่อตั้ง และอิมแพคของภาพถ่ายของโกดัก ข้อความบนกระดาษที่เขียนไว้ก่อนฆ่าตัวตาย “ถึงเพื่อนๆ งานของฉันเสร็จสิ้นแล้ว จะรออยู่ทำไม” (My friends, my work is done. Why wait?)
หมายเหตุ ผู้แปล            

  • เป็นที่รู้ๆ กันว่า Gerge Eastman เป็นเกย์ ปัญหาการฆ่าตัวตายจึงยังเป็นปริศนา
  • ข่าวความเป็นไปได้ที่ โกดักจะล้มละลาย มีการพูดกันมากในวงการพรินเตอร์ในประเทศไทย
  • ในประเทศจีน มีผู้ละเมินสิทธิบัตรของโกดัก ด้านพรินเตอร์ระดับอาชีพมากมายและทำเงินกันอย่างมหาศาล
  • ในประเทศไทยไม่มีการขายพรินเตอร์โกดัก มานานมากๆ แล้ว หลังบริษัทเทคโนโลยีสโตร์ ได้ยุติการขายเมื่อหลายๆ ปีก่อน
  • กล้องถ่ายรูปดิจิตอลของโกดักก็น่าจะไม่มีขายในประเทศไทยแล้ว
  • สำนักงาน โกดัก (ประเทศไทย) ได้ถูกขายไปก่อนหน้าแล้วหลายปี
 

ลิขสิทธิ์ภาพ www.kodak.com

 

ลงเมื่อวันที่ 19-1-2012

ข่าวอื่นๆ